วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

พระทรง เหนื่อยยาก แต่ไทยจมปลักลงทุกที6

ทางวังได้โหมการโฆษณาการรำลึกถึงพระราชชนนี

อย่างชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อนเป็นเวลาหลายเดือนทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์ ในงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาเดือนธันวาคมปีนั้น ทรงตรัสว่าคนไทยมองเห็นพระมหากรุณาธิคุณของพระราชชนนีที่ได้ทรงสร้างสมไว้มากทำให้ราชอาณาจักรไทยยังคงความสงบสันติสุขไว้ได้ ทรงตรัสว่า เมื่อพระชนนีสิ้นพระชนม์ ก็ได้เห็นความรักความนับถือที่คนทั้งชาติมีต่อพระชนนี ก็ปลื้มใจ ปลื้มใจว่ามีคนที่คนรักที่ถือว่าท่านเป็นสมเด็จย่า

ซึ่งก็แปลกดีเหมือนกัน ถ้าใครต่อใครเรียกว่าสมเด็จย่า

คนที่เรียกสมเด็จย่าก็เป็นหลานๆ ของเรา เป็นหลานเพราะว่าท่านเป็นแม่ และท่านเป็นย่าของคนทั่วๆ ไป และเป็นสมเด็จย่าของลูกๆ ที่อยู่ข้างหลังนี้ ฉะนั้นเราก็เป็นญาติกันทั้งหมดแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็รู้สึกว่า มีความอาลัย และทำให้ประชาชนทั้งชาติได้มีโอกาสแสดงเป็นประโยชน์จะว่าครั้งสุดท้ายของท่าน ที่จริงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะท่านยังเป็นประโยชน์ต่อไปชั่วกาลนิรันดร์ แต่ว่าเป็นประโยชน์เพราะว่าชาวต่างประเทศ ทุกชาติทุกภาษา เมื่อมาเห็นว่าเมืองไทยมีเหตุการณ์เช่นนี้แบบนี้ และการแสดง คารวะบุคคลที่ควรคารวะ

ต่างประเทศแม้จะไม่ชอบเมืองไทยเขาก็ต้องชอบ เขาจะต้องบอกว่าเมืองไทยนี้มีอะไรแปลก และเมืองไทยนี้แปลกจริงๆ ที่มีสภาพอย่างนี้


ก็คงแปลกจริงๆอย่างที่พระองค์มีพระราชดำรัสและก็คงไม่มีชนชาติใดที่จะเข้าใจความแปลกประหลาดของพสกนิกรที่พระองค์ทรงภูมิใจเป็นนักเป็นหนานี้ได้ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระราชชนนี มีขึ้นในวันที่ 10 มีนาคม 2539 ตามฤกษ์ที่นักดาราศาสตร์ของวังได้บอกว่าดาวหางยาคูเตคHyakutake จะปรากฏให้เห็นในหมูดาวราศีตุลย์ อันเป็นราศีเกิดของพระราชชนนี

กรมการศาสนาได้รวบรวมคนมาบวชเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลได้ 34,604 คน เท่ากับจำนวนวันที่พระราชชนนีทรงมีพระชนมชีพ ทางวังกับรัฐบาลได้ออกแผนพับยืดยาวอธิบายความหมายในเชิงจักรวาลของเครื่องแบบ การประดับประดา การจัดวางตำแหน่งและการเคลื่อนขบวนต่างๆ สื่อวิทยุและโทรทัศน์ได้ร่วมกันถ่ายทอดสดตลอดงานพระราชพิธี โดยมีอาจารย์ธงทอง จันทรางศุ เป็นผู้บรรยายด้วยสุ้มเสียงอันแผ่วเบา ไม่มีสื่อใดได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ยกเว้นโทรทัศน์บีบีซีซึ่งได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำสารคดีที่หวังว่าจะช่วยเชิดชูพระราชชนนีให้เป็นที่ศรัธทาไปทั่วโลก

ทรงโปรดเกล้าฯให้เลื่อนพระยศเป็นระดับสมเด็จพระบรมราชชนนีโดยโปรดให้บรรจุพระอังคาร(เถ้ากระดูก)ไว้ในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทอันเป็นที่สงวนไว้สำหรับเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงสุดเท่านั้น

ทั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้มีการระดมทุนหาเงินเงินบริจาคในช่วงแปดเดือนไม่ต่ำกว่าสามร้อยล้านบาท เพื่อสร้างโรงพยาบาลในพระนามสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี รัฐบาลผลิตเหรียญกษาปณ์ที่มีพระบรมฉายาลักษณ์พระราชชนนี เพื่อระดมทุนตามเป้าไม่ต่ำ 1
60 ล้านบาท ในวันพระราชทานเพลิงพระศพ กล่องบริจาคที่วางรอบสนามหลวงเก็บเงินได้ถึงกว่าสี่ล้านบาท กระทรวงศึกษายังระดมเงินบริจาคได้เพิ่มขึ้นอีกโดยไม่มีการรายงานยอดบริจาคเพียงแต่บอกว่าจะนำไปสร้างอนุสาวรีย์ถวายแด่พระราชชนนีทั่วประเทศ ตลอดสองสามปีถัดมา ได้มีการผลิตหนังสือ สารคดี ซีดีรอม และ เทปเทิดพระเกียรติออกจำหน่ายและจัดนิทรรศการ

หลังจากการโฆษณาปลุกเสกพระเกียรติยศพระเกียรติคุณของสมเด็จพระราชชนนีเสร็จสิ้นลง

ทางวังก็รีบขยับเข้าสู่การเฉลิมฉลองการเสด็จครองราชสมบัติครบ
50 พรรษาอย่างรวดเร็วทันที แทบทุกพระราชพิธีและกิจกรรมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วง24 เดือนต่อมาล้วนแล้วแต่เป็นการเทิดพระเกียรติเนื่องในวาระเฉลิมฉลองกาญจนาภิเษก ฟ้าชายวชิราลงกรณ์ทรงรับหน้าที่ดูแลโครงการสกัดหินเพื่อสร้างพระพุทธรูปขนาดมหึมาที่หน้าผาเขาชีจัน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีโดยใช้แสงเลเซอร์ ฟ้าหญิงสิรินธรเสด็จเป็นประธานในการประชุมนานาชาติเรื่องหญู้าแฝกในพระบรมราชูปถัมถ์โดยที่วังมักอ้างว่าในหลวงทรงเป็นผู้ค้นพบว่าหญ้าแฝกเป็นประโยชน์ในการรักษาหน้าดิน

พระสังฆราชญาณสังวรทรงดูแลโครงการปลูกต้นโพธิ์ในวัดทั่วประเทศ
30,000 แห่ง

มีการทุ่มเงินมหาศาลทั้งจากงบประมาณและจากภาคธุรกิจ โดยไม่มีความโปร่งใสแต่อย่างใด นักธุรกิจต้องจ่ายเงินของบริษัทเพื่อแสดงความจงรักภักดี วุฒิสมาชิกถูกหักเงินเดือนๆ ละ
500 บาท รวมเป็นเงิน 8 ล้าน 7 แสนบาทสำหรับการเฉลิมฉลองพระราชพิธีกาญจนาภิเษกและร่วมเสด็จพระราชกุศล นายกบรรหารได้ระดมเงิน 999 ล้านบาทสำหรับโครงการควบคุมน้ำท่วมในพระราชดำริโดยยืมเงินก้อนใหญ่มาจากธนาคารกรุงไทยที่เป็นของรัฐบาล จากภาวะเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูตอนต้นปี 2539 ทำให้มีนักธุรกิจใหญ่ทยอยถวาย เครื่องบรรณาการ อย่างมากมายมหาศาล พ่อค้าเพชรพลอยชื่อดังรายหนึ่งได้นำบุษราคัมสีน้ำเงินขนาดยักษ์น้ำหนัก 6.3 กิโลกรัมมาเจียรนัย 950 ด้าน (หมายถึง รัชกาลที่ 9 ปีที่50)

ถวายพระเจ้าอยู่หัว กองทัพไทยใช้งบของรัฐบาลสร้างคทาที่ทำจากทองคำหนัก
700 กรัมกับเพชรพลอย 518 เม็ดถวายในหลวง ของขวัญที่อลังการมูลค่าสูงสุดจากนักธุรกิจเชื้อสายจีนที่รวยที่สุด

นำโดยนายชาตรี โสภณพานิชแห่งธนาคากรุงเทพ และอำนวยการโดยพลเอกเปรม ได้ ซื้อเพชรก้อนใหญ่ที่สุดในโลก โดยไม่เปิดเผยราคา หนัก 54
6 กะรัตจากอัฟริกาใต้ ใหญ่กว่าเพชรคุลลินัน Cullinan Star of Africa ของราชินีอังกฤษที่หนัก 530.2 กะรัต หรือ106 กรัม โดยได้นำเพชรนี้ไปเข้าพิธีปลุกเสกโดย พระสังฆราช จุฬาราชมนตรี และสันตปาปา จอห์น ปอลที่สองแห่งกรุงโรม
มีการใช้งบประมาณและเงินบริจาคราวสอง ร้อยล้านบาทในการจัดทำเสื้อคลุมทองคำประดับอัญมณีชุดใหม่ให้พระแก้วมรกต ในปี 2539 รัฐบาลได้ถวายพระยานาคทองคำประดับอัญมณีหนัก 2.5 กิโลกรัมแด่พระเจ้าอยู่หัว พร้อมถวายพระราชสมัญญาให้ทรงเป็น พระบิดาแห่งการจัดการ

ทรัพยากร น้ำ มีการจัดพิมพ์หนังสือโฆษณาความสำเร็จของโครงการพระราชดำริเรื่องน้ำหลายพัน เล่มโดยแจกจ่ายไปตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ

โทรทัศน์เต็มไปด้วยสารคดี ทอล์คโชว์ และแม้กระทั่งเกมโชว์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์
วัน ที่ 7 มิถุนายน 2539 สถานี โทรทัศน์และวิทยุทุกสถานีได้ถ่ายทอดงานระดมทุนโครงการในพระราชดำริ นายกบรรหารกับคุณหญิงแจ่มใสประเดิมบริจาคก่อน 10 ล้าน บาท น เช้าวันที่ 9 มิถุนายน ช้างแต่งเต็มยศ 25 เชือกบรรทุกคน 50 คนมายังวัด หลวงแห่งหนึ่งเพื่อบวชถวายแด่พระเจ้าอยู่หัว ในค่ำวันนั้น ก่อนที่จะมีการจุดพลุดอกไม้ไฟ ได้มีการจุดเทียนหนึ่งล้านเล่มที่ปลุกเสกโดยพระสังฆราชโดยถูกจุดพร้อมกันใน ฤกษ์ยามเวลา 19.19.

วัง ยังคงโหมการโฆษณาสร้างบารมีตามกำหนดการที่เต็มแน่นด้วยงานการกุศล

การเยี่ยมชนบท งานกาล่าดินเนอร์
Gala Dinner (การ รับประทานอาหารค่ำที่มีการแสดงพิเศษ) การเสด็จประพาส มีงานบอลล์(งานรื่นเริงที่มีการเต้นรำ) นัก เรียนหญิงนับพันถูกเกณฑ์มาที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อนั่งสมาธิหมู่ถวายเป็น พระราชกุศล โดยแต่งชุดขาวเหมือนแม่ชีและถือเทียน มีการจัดสร้างพระเครื่องในพระนามพระราชินีจำหน่ายเพื่อเก็บเงินถวายใน งานวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระราชินีปี 2535 บรรดาเศรษฐี ใต้พระบรมโพธิสมภาร เช่น นายบรรยงค์ ล่ำซำแห่งธนาคารกสิกรไทย นายประยุทธ มหากิจศิริ(เจ้า ของเนสกาแฟและโรงงานเหล็กสเตนเลส)

เสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์และพตท.ทักษิณ ชินวัตร

ได้ร่วมกันบริจาคเงินสร้างตึกสิริกิติ์หรือตึก ส.ก.ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์โดยตั้งตระหง่านทัดเทียมตึกภปร
. สยามสมาคมได้ระดมเงินบริจาคสามสิบล้านบาท สร้างพระพุทธบาทขนาดใหญ่ทำจากทองคำหนัก 30 กิโลกรัมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ประดิษฐานไว้ที่วัดพระแก้ว พระราชินีมีพระประสงค์ให้เป็นที่รู้กันว่าพระองค์คือสมเด็จพระสุริโยทัยที่ กลับชาติมาเกิด โดยที่พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงเออออไม่อยากขัดคอพระราชินี โครงการอ่างเก็บน้ำและป้องกันน้ำท่วมที่อยุธยาจึงได้รับพระราชทานนามว่าสวน ศรีสุริโยทัยและได้พระราชทานสวนแห่งนี้แด่พระราชินี

ในวาระเฉลิมพระชนมพรรษาพระราชินี
60 ชันษา

กองทัพจัดแสดงละครพระศรีสุริโยทัยด้วยแสงสีเสียงมโหฬารถวายพระราชินี สิริกิติ์ที่จังหวัดอยุธยา รัฐบาลสร้างพระพุทธรูปสุริโยทัย ค่ายทหารแห่งใหม่ที่หัวหินก็ใช้ชื่อเดียวกัน ตำนานสมเด็จพระศรีสุริโยทัยได้รับการเผยแพร่ทั่วไป พระราชินีเสด็จเยือนบริเวณที่เชื่อว่าเป็นสมรภูมิเพื่อทำการบวงสรวง มีการตั้งอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ของพระสุริโยทัยบนหลังช้างและพระราชินีได้เสด็จ มาเปิด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น