ในหลวงยังทรงแทรกแซงการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยพลเอกเปรมคอยจัดการ การชนะเลือกตั้งของนายชวนในปี 2535 ทำให้นายชวนต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
แต่วุฒิสภายังเต็มไปด้วยคนของรสช.
เมื่อรัฐบาลนายชวนยืนยันแก้ไขรัฐธรรมนูญ พวกปีกขวาก็ออกมาข่มขู่แบบปี 2519 กล่าวหาว่าเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างการปกครองที่รัชกาลที่ห้าได้ทรงวางหลักเอาไว้ เป็นการแสดงว่าสส.สามารถเป็นตัวแทนของประชาชนได้ดีกว่าพระเจ้าอยู่หัว
ทั้งๆที่สส.ที่มาจากการเลือกตั้งนั้น สกปรกและทุจริตคอรัปชั่น ขณะที่การ รัฐประหารยึดอำนาจเป็นเรื่องที่ถูกต้องชอบธรรม ลูกเสือชาวบ้านและกลุ่มอภิรักษ์จักรีประกาศว่า ประเทศไทยต้องไม่ทิ้ง ระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุข ต้องไม่เป็นเหมือนสหรัฐฯ ฝรั่งเศส หรือประเทศคอมมิวนิสต์ ราชวงศ์จักรีไม่ใช่ไดโนเสาร์
พลเอกชวลิตถอนพรรคจากการร่วมรัฐบาลโดยหวังว่ารัฐบาลคงจะล้ม และตนเองจะได้เป็นนายกฯคนต่อไปพร้อมด้วยการสนับสนุนจากกองทัพ แต่พลเอกเปรมได้เกลี้ยกล่อมพลเอกชาติชายหัวหน้าพรรรคชาติพัฒนาให้เข้าร่วมรัฐบาลนายชวน และให้วุฒิสมาชิกสายทหารหันมาลงคะแนนสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลนายชวนซึ่งเป็นเพียงประเด็นปลีกย่อย แสดงให้เห็นว่าวัง ไม่ไว้ใจพลเอกชวลิต มากกว่านายชวนเสียอีก
โดยคงความสัมพันธ์ร่วมมือกันอย่างดีกับ รัฐบาลทหารสล้อค Slorc ของพม่า และสนับสนุนกองกำลังของเขมรแดง ที่เคยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวกัมพูชาเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลฮุนเซนที่ได้รับการหนุนหลังจากเวียตนาม ความสัมพันธ์ที่ไม่จริงใจต่อประเทศเพื่อนบ้านเช่นนี้ไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยเลย มีแต่พวกทหารระดับสูงของไทยไม่กี่คนที่ได้กอบโกยเงินหลายพันล้านบาทจากการตัดไม้ ขุดแร่อัญมณีและธุรกิจอื่นๆ ร่วมกับรัฐบาลทหารสล้อคของพม่าและกองกำลังเขมรแดง
มาเยือนประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านใกล้ที่สุดของพม่า ในหลวงภูมิพลมีพระบรมราโชวาทแก่พวกเขาว่า อองซานซูจีควรจะเลิกต่อสู้และกลับไปเลี้ยงลูกที่อังกฤษเสีย แล้วปล่อยให้สล้อคหรือรัฐบาลทหารพม่า ปกครองประเทศไป รัฐบาลทหารเหมาะกับประเทศกำลังพัฒนา ทรงยืนยันว่าไม่ควรสนับสนุนฝ่ายค้านของพม่า
ซูจีเป็นแค่ตัวสร้างปัญหา และยังได้ทรงชักชวนนักการทูตอเมริกันและนักวิชาการต่างชาติให้ยอมรับรัฐบาลทหารพม่าว่าเป็นผู้สร้างเสถียรภาพแก่พม่า ทรงมีพระราชดำรัสไม่ต่างจากรัฐบาลทหารพม่าว่า ซูจีแต่งงานกับฝรั่งและร่ำเรียนที่เมืองนอก เธอไม่ได้เป็นตัวแทนคุณค่าดั้งเดิมของพม่า เธอควรกลับไปอยู่กับครอบครัวที่อังกฤษ
แต่นโยบายของรัฐบาลนายชวนที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งได้ให้การสนับสนุนขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยของอองซาน ซูจี
ขณะที่เขมรแดงยังปฏิบัติการโจมตีจากฐานที่มั่นในฝั่งไทยก่อนถึงวันเลือกตั้งในกัมพูชา ทำให้นานาชาติพากันประณามรัฐบาลไทย รัฐบาลนายชวนปฏิเสธว่ามันไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงปกป้องกองทัพ ทรงกล่าวกับนักการทูตไทยว่าประเทศไทยควรให้ความร่วมมือกับเพื่อนบ้านเช่นพวกเขมรแดงและไม่ควรใส่ใจกับตำรวจโลก ซึ่งทรงหมายถึงสหรัฐอเมริกาทรงตรัสว่า พม่ากำลังถูกปฏิบัติเหมือนเป็นสิ่งปฏิกูล หากเราผูกมิตรกับคนอย่างนี้
ตำรวจก็ต้องจับเรา ดังนั้นเมื่อเราช่วยพม่า หรือติดต่อสัมพันธ์กับพม่า
ประชาคมโลกก็จะปฏิบัติต่อเราเหมือนคนเลวไปด้วย... หากเรายึดตามแนวคิดตะวันตกและเฮโลตามไปกับเขาด้วย โดยบอกว่าพม่าเลว เราก็จะมีเพื่อนบ้านอย่างบอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา … เขมรแดงควรมีส่วนแบ่งในอำนาจ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่แบบที่พวกยุโรปได้สร้างขึ้นที่บอสเนีย ที่เราต้องการให้เกิดน้อยที่สุดคือการที่กำลังของสหประชาชาติมาใช้ดินแดนของไทยเพื่อแทรกแซงทางการทหารในพม่า
กองทัพไทยยังคงร่วมมือกับรัฐบาลทหารของพม่าและพวกเขมรแดงของพอลพตต่อไป
ด้วยการสนับสนุนให้ท้ายของ พระเจ้าอยู่หัว เดือนพฤษภาคม 2537 อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยนาย
แต่อาจเป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ทำให้บางคนต้องแสดงอาการเดือดดาลเพื่อแสดงความจงรักภักดีโดยกล่าวหานายอับ บราโมวิทซ์ว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและเรียกร้องให้เนรเทศออกนอกประเทศ ขณะที่กองบัญชาการทหารสูงสุดปฏิเสธว่ากองทัพไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเขมรแดง
และแก้ตัวแทนพระเจ้าอยู่หัวว่าไม่ทรงยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่กระทรวงต่างประเทศของไทยออกแถลงการณ์เห็นด้วยกับอเมริกาทำให้เกิดแรงกดดันต่อกองทัพจนต้องถอนการสนับสนุนเขมรแดงตลอดปีต่อมา เป็นการตัดกำลังเขมรแดงที่สำคัญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น