รัฐบาลชวนทำงานไปได้เพียงเดือนเดียว พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทในวันเฉลิมพระชนมพรรษาโดยสรุปว่า บอกแล้วไม่ฟัง ทรงโจมตีผู้นำทางการเมืองที่นำพาประเทศไทยไปบนเส้นทางทุนนิยมและการบริโภคนิยมที่เสรีและไม่มีการยับยั้งชั่งใจ
ถ้ายอมรับแนวพระราชดำริว่าด้วยเรื่องสังคมที่เรียบง่าย ก็จะหลีกเลี่ยงวิกฤตไปได้ ทรงเปรียบเทียบประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของโครงการพระราชดำริโดยทรงหยามหยันงานของรัฐบาล ทรงโจมตีทุนนิยมและตลาดโลกสมัยใหม่ ทรงตำหนิความอยากได้ใคร่มีในทางวัตถุมากเกินไปทรงตรัสว่า การกู้เงิน ที่นำมาใช้ในสิ่งที่ไม่ทำรายได้นั้นไม่ดี อันนี้เป็นข้อสำคัญ เพราะว่าถ้ากู้เงิน และทำให้มีรายได้ ก็เท่ากับ จะใช้หนี้ได้ ไม่ต้องติดหนี้ ไม่ต้องเดือดร้อน ไม่ต้องเสียเกียรติ ..
อย่างคนที่สร้างโรงงานใหญ่โตขณะที่โรงงานเล็กๆ ก็พอเพียงแล้ว..ความจริง เคยพูดเสมอ ในที่ประชุมอย่างนี้ว่า การจะเป็นเสือนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินนั้น หมายความว่า อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง อันนี้ก็เคยบอกว่า ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่า ทุกครอบครัว จะต้องผลิตอาหารของตัว จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนั้น มันเกินไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอำเภอ จะต้องมีความพอเพียง พอสมควร
บางสิ่งบางอย่าง ที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการก็ขายได้ แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไหร่ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก ..
แต่ถ้าทำแบบที่เคยมีนโยบายมา คือผลิตสิ่งของทางอุตสาหกรรมมากเกินไปก็จะไม่สำเร็จ โดยที่ในเมืองไทยตลาดมีน้อยลงเพราะคนมีเงินน้อยลง แต่ข้อสำคัญ นักเศรษฐกิจบอกว่า ให้ส่งออก ส่งออกไปประเทศอื่นๆ ซึ่งก็เดือดร้อนเหมือนกัน เขาก็ไม่ซื้อ ถ้าทำผลิตผลทางอุตสาหกรรม และไม่มีผู้ซื้อ ก็เป็นหมันเหมือนกัน..ต้องถอยหลังเข้าคลอง
จะต้องอยู่อย่าง ระมัดระวัง และต้องกลับไปทำกิจการที่อาจจะไม่ค่อยซับซ้อนนัก คือใช้เครื่องมืออะไร ที่ไม่หรูหรา. แต่ก็ อย่างไรก็ตาม มีความจำเป็นที่จะ ถอยหลัง เพื่อที่จะก้าวหน้าต่อไป ถ้าไม่ทำอย่างที่ว่านี้ ก็จะแก้วิกฤตการณ์นี้ยาก แต่ถ้าสามารถที่จะเปลี่ยนไปทำให้กลับเป็นเศรษฐกิจแบบพอเพียง ไม่ต้องทั้งหมด แม้แค่ครึ่งก็ไม่ต้อง อาจจะสักเศษหนึ่งส่วนสี่ ก็จะสามารถอยู่ได้ การแก้ไขอาจจะต้องใช้เวลา ไม่ใช่ง่ายๆ โดยมากคนก็ใจร้อน เพราะเดือดร้อน แต่ว่าถ้าทำ ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ก็สามารถที่จะแก้ไขได้
เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัวยังคงเป็นเครื่องมือโฆษณาสร้างภาพ
จนถึงกับได้มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหารที่มีพระเจ้าอยู่หัวเป็นประมุขที่เรียกชื่อย่อว่า คปค.และคงจะยังอยู่ต่อไปอีกนานจนกว่าประเทศไทยพ้นจากการปกครองระบอบที่มีพระมหากษัตริย์เป็นเจ้าของอำนาจเหนือประชาชนทั้งประเทศ ทั้งๆที่ไม่ปรากฎเป็นทฤษฎีหรืออยู่ในตำราเศรษฐศาสตร์ใดมาก่อน แต่ถูกนำมาขยายความตามความต้องการของนักการเมืองและนักวิชาการที่ต้องการเอาใจพระเจ้าอยู่หัว และใช้โจมตีคู่แข่งทางการเมืองเท่านั้น
การอนุมัติเงินงบประมาณนับหมื่นนับแสนล้านบาทของรัฐบาลเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียง
จึงเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองสูญเปล่าหรือผักชีโรยหน้า ที่ปิดบังอำพรางความเหลื่อมล้ำและการกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรม สร้างแนวความคิดให้คนยากจนยอมจำนนต่อระบบสังคมโดยมองเฉพาะการดำเนินชีวิตของแต่ละคน ผู้ที่ออกมายัดเยียดความคิดเศรษฐกิจพอเพียงนั้นล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่ร่ำรวยเป็นอภิสิทธิ์ชนในสังคมทั้งสิ้น ลักษณะมือถือสาก ปากถือศีล เป็นข้ออ้างของทุนแบบจารีตนิยมที่อาศัยอิทธิพลทางการเมืองและระบบอุปถัมภ์ ที่พยายามเสนอหลักเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อต่อต้านการทุนนิยมโลกาภิวัฒน์ และใช้ครอบงำสังคมเพื่อรักษาเศรษฐกิจทุนนิยมแบบจารีต ทั้งๆที่เป็นแนวความคิดล้าหลังและ
เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศทั้งในทางเศรษฐกิจและการเมือง
แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่ในพระราชดำริได้เป็นหัวข้อที่เผยแพร่ตลอดปีถัดไปตามสื่อต่างๆ แม้แต่กัณฑ์เทศน์ตามวัด การปราศรัยทางการเมือง บรรดาผู้ต่อต้านโลกาภิวัฒน์ต่างพากันอ้างพระเจ้าอยู่หัว นักเรียนนักศึกษาต้องศึกษาแนวพระราชดำริ กองทัพพยายามหาหนทางนำมาปฏิบัติ เช่นปลูกผักกินเอง พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสว่าทรงโปรดเสวยข้าวกล้องเหมือนชาวนาที่ยากจนทั้งหลาย ทรงตรัสว่า กินข้าวกล้องทุกวันเพราะดีต่อสุขภาพ...
บางคนบอกว่ามันเป็นข้าวของคนจน เราก็คนจนเหมือนกัน
แต่พระราชวงศ์ไม่ได้หวนกลับสู่ ชีวิตที่เรียบง่าย ตามพระราชดำรัสเลย คนของพระเจ้าอยู่หัวที่ทำงานอยู่เบื้องหลังธุรกิจของพระองค์ก็กำลังทำการกอบกู้ธุรกิจของวังที่ล้มลงไปอย่างขนานใหญ่ โดยใช้งบประมาณมหาศาลจากรัฐบาลที่กำลังแห้งเหือดอยู่แล้ว นิตยสารฟอร์บ ประมาณว่าทรัพย์สินของพระเจ้าอยู่หัวมีอยู่ราวแปดหมื่นล้านบาท โดยที่วังยังคงเหนียวแน่นกอด หุ้น 37 เปอร์เซ็นต์ ในเครือซีเมนต์ไทยไว้ กระทรวงการคลังถูกบีบให้อัดฉีดเงินกว่าสี่หมื่นล้านบาทให้ธนาคารไทยพาณิชย์ ทำให้รัฐบาลเสียเปรียบ แต่วังยังคงถือหุ้น 26 เปอร์เซ็นต์
กระทรวงการคลังที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็มอบอำนาจการบริหารให้วัง และยังต้องขายหุ้นคืนแก่สำนักงานทรัพย์สินฯในภายหลัง
นิตยสารฟอร์บส์ประเมินว่าพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลทรงมีทรัพย์สินในปี 2540 ราวหนึ่งแสนล้านบาท พอปี 2548 ดร.
โดยมีการโอนสินทรัพย์ไปให้บริษัททุนลดาวัลย์จัดการดูแลในการบริหารการลงทุนทั่วไป รวมทั้งให้บริษัทวังสินทรัพย์จัดการบริหารที่ดินและอสังหาริมทรัพย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น