กลุ่มทุนพันธมิตรของสำนักงานทรัพย์สินฯยังสามารถมีอำนาจการเมืองและการบริหารประเทศ
เช่น กรณีของนาย
ได้ตามพระราชอัธยาศัย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯ ยังดำรงตำแหน่งรองราชเลขาธิการ
คือไม่อนุญาตให้มีการวิจารณ์หรือตรวจสอบสำนักงานทรัพย์สินฯนั่นเอง
พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินฯยังคุ้มครองทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไม่ให้ตกไปสู่บุคคลอื่น เว้นแต่ได้รับพระบรมราชานุญาตเท่านั้น ดังนั้น หากสำนักงานทรัพย์สินฯ ถูกฟ้องหรือดำเนินคดี เจ้าหนี้ไม่สามารถยึดที่ดินและผู้ใดจะอ้างการครอบครองโดยปรปักษ์ไม่ได้ จะตกเป็นของสาธารณะก็ไม่ได้ การตรวจสอบสำนักงานทรัพย์สินฯต้องได้รับพระบรมราชานุญาตและต้องไม่กระทบพระราชอำนาจ
ปี 2544 สำนักงานทรัพย์สินฯ ใช้ที่ดินบริเวณสวนมิสกวันและคุรุสภา ราว 35 ไร่ มูลค่าราว 1200 ล้านบาทแลกหุ้นปตท.ของกระทรวงการคลังกว่า 34 ล้านหุ้น (หุ้นละ 35 บาท) ต้นปี 2547 ราคาหุ้นของ ปตท.ขึ้น 5 เท่าตัว อยู่ที่ 140–170 บาท ทำให้กำไรกว่า35,000 ล้านบาท
ในปี 2546 สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้นำที่ดินบริเวณทุ่งพญาไท จำนวน 484.5 ไร่ (มูลค่า 16,500 ล้านบาท) แลกกับหุ้นของธนาคารไทยพาณิชย์ที่กระทรวงการคลังถือ เพื่อเพิ่มหุ้นจาก 11.8% เป็น 24.0 %ในปี 2549 ทั้งๆที่ไม่มีกฎหมายอนุญาต
พ.ร.บ.ธนาคารพาณิชย์ 2522 บังคับให้เอกชนถือหุ้นธนาคารไม่เกิน 5% ภายในวันที่ 7 มีนาคม 2527 ตอนนั้นสำนักงานทรัพย์สินฯ มีหุ้นในธนาคารไทยพาณิชย์ 36% แต่มีการตีความว่าการถือหุ้นของสำนักงานทรัพย์สินฯ อยู่ในข้อยกเว้นของกฎหมายเช่นเดียวกับหน่วยงานของรัฐ สำนักงานทรัพย์สินฯจึงได้สิทธิ์พิเศษควบคุมธนาคารไทยพาณิชย์ไว้เหมือนเดิม
ยังต้อง จ่ายเงินภาษี เลี้ยงดูพระราชวงศ์ให้ดำรงอยู่เป็นศักดิ์ศรีของชาติมิให้น้อยหน้าพระราชวงศ์ใดๆในโลกด้วยงบประมาณแผ่นดินที่ค่อนข้างสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับพระราชวงศ์ในอารยประเทศที่ประชาชนมีมาตรฐานการกินอยู่ที่ดีกว่าประชาชนไทยหลายเท่า
งบประมาณของสำนักพระราชวังที่ต้องจ่ายค่าบำรุงเลี้ยงดูพระราชวงศ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่เป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยในปี 2551 มีมากกว่า 2,000 ล้านบาท รวมทั้งงบอำนวยความสดวกที่จัดไว้ในหน่วยงานต่างๆรวมเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท
ยังมีงบแฝงอยู่ในกระทรวงต่างๆ อีก เช่น ค่าจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ค่ารับรอง เช่น
งบเสด็จพระราชดำเนินและต้อนรับประมุขต่างประเทศ 500 ล้านบาท
งบสำนักพระราชวัง 2,086 ล้านบาท
งบถวายการอารักขาและถวายพระเกียรติโดยกองทัพบก 185 ล้านบาท
กรมราชองครักษ์ถวายความปลอดภัยถวายพระเกียรติและปฏิบัติตามพระราชประสงค์ 465 ล้านบาท
งบสํานักงานตํารวจแห่งชาติถวายความปลอดภัย 349 ล้านบาท
กองบัญชาการทหารสูงสุดถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ 120 ล้านบาท
งบสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำหรับโรงเก็บเครื่องบินพระราชพาหนะ 2 โรง 381ล้านบาท
งบซื้อเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะ 3 เครื่องและโรงจอด 1,220 ล้านบาท
งบค่าใช้จ่ายเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง 600ล้านบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น